องค์การและการจัดการ หรือ Organization and Management แนวข้อสอบเก่า จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
The principles of Administration School หลักการของโรงเรียนบริหาร คือเป็นการศึกษาการบริหารองค์การตามแนวคิดของนักทฤษฎีการบริหาร
The Hawthorne Study คือการศึกษาของ Elton Mayo ที่บริษัท Western Electric Company โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ
Industrial Humanism เป็นแนวทางการศึกษาของนักทฤษฎีองค์การกลุ่มมนุษย์นิยม (Industrial Humanism) โดยให้ความสำคัญไปที่ลักษณะและความต้องการ
1.โดยได้ให้ความสำคัญกับความต้องการของปัจเจกบุคคล(Individual)
2.อิทธิพลในองค์การ
3.สนในกระบวนการเลี้ยงดูของบุคคล(Socialization)
4.สนใจบุคลิกภาพของบุคคลในองค์การ (Personality) ส่วนความหมายของแต่ละอ่านได้ในหนังสือ (นม)
Contingency Theory เป็นทฤษฎีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากแนวคิดในเชิงระบบ ให้ความสำคัญต่ออิทธิพลของสภาพแวดล้อมและพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมขององค์ภายใต้เงื่อนไขของสภาพแวดล้อมหนึ่งๆ บางที่จะเรียกว่า องค์การและการบริหารตามสถานการณ์(Situational Approach) ประกอบไปด้วย
1.ปฏิเสธหลักการ One best way โดยไม่เชื่อว่ามีวิธีการทำงานที่ดีที่สุด
2.Apply System Theory นำแนวคิดเชิงระบบมาใช้ มองว่าองค์การมีระบอบย่อยที่ต่างกันตามสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมาย และตามวิธีการจัดสรรทรัพยากรส่งผลให้โครงสร้างองค์การมีความแตกต่างกัน
3.ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงองค์การกับสิ่งแวดล้อม
4.มองว่าองค์การที่ดีอาจจะมีได้หลายรูปแบบ
5. ใช้แนวคิดระบบเปิดเป็นแนวคิดในการศึกษา
The Action Approach เป็นทฤษฎีที่เน้นการกระทำ มองว่าองค์การเป็น Hard Science มองว่าการศึกษาเกี่ยวกับองค์การและการจัดการนั้นเป็น
สรุป 1.การกระทำทางสังคม มีความแตกต่างจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เพราะมนุษย์เป็นผู้ให้ความหมายต่างๆ
2.นอกจากนี้ Action Approach มองว่าการกระทำของมนุษย์มีความหมายต่างจากการกระทำของสัตว์
3.การศึกษาปรากฎการณ์ทางสังคมจะต้องให้ความสำคัญกับความหมายที่เกิดจากการกระทำของปัจเจกชน(Meaning)ปฏิเสธกฎเกณฑ์ที่ตายตัว
4.ความหมายของแต่ละปัจเจกบุคคลอาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับการให้ความหมายของแต่ละปัจเจกบุคคล
5.เน้นผู้นำในการให้ความหมาย
6.ทฤษฎีนี้ต้องการเน้นการให้ความหมายของปัจเจกชนต่อสถานการณ์ต่างๆ(Identifying of Common Pattern or Roles)
The Action Perspective เชื่อว่า
1.บุคลากรในองค์การเป็นเพียงมิติหนึ่งของระบบการบริหาร
2.ค่านิยมปะปนอยู่กับการกระทำเสมอ
3.การกระทำจะมีผบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดการยอมรับและเกิดภาวะความรับผิดชอบต่อการกระทำ
4.ผู้บริหารที่ดีจะต้องกระทำสิ่งต่างๆให้คนในองค์การยอมรับ หรือเรียกว่า Proactive Style ดังนั้นผู้บริหารบางครั้งอาจจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแต่ทำในสิ่งที่คนยอมรับมากที่สุด ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้บางครั้งถูกเรียกว่าการเมือง
Intrinsic Motivation แรงจูงใจภายใน เช่น ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ A.H.Maslow ที่อธิบายว่าความต้องการของมนุษย์มีลำดับขั้นจากขั้นต่ำไปสู่ขั้นสูงสุดแบ่งออก เป็น 5 ลำดับดังนี้
1.ความต้องการทางด้านกายภาพ (Physiological Needs) เป็นความต้องการทางด้านร่างกายที่สามารถบำบัดได้ในเวลารวดเร็ว เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่นอยากพักผ่อนถ้าได้พักผ่อนก็จะหาย ถ้าหิวก็จะหายหิว
2.ความต้องการในด้านความปลอดภัย (Safety Needs) เช่นการที่เรามาเรียนหนังสือก็เพื่อต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต เช่นกัน คือการมีการงานที่มั่นคง
3.ความต้องการทางด้านสังคม(Social Needs) คือความต้องการทางด้านสังคมต้องการมีเพื่อน มีสังคม มีคนที่ช่วยในการปรึกษาปัญหาต่างๆ
4.ความต้องการที่จะได้รับการยอมรับ(Status หรือ Esteem Needs) เช่นความต้องการมีชื่อเสียง ก้าวหน้า
5.ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในอุดมคติ หรืออุดมการณ์(Self-Actualization Needs) คือความต้องการที่จะทำให้สิ่งที่คิดฝันเป็นความจริง เป็นความต้องการขั้นสูงสุดที่ต้องการอยากจะให้เป็น
Equity Theory คือทฤษฎีความเสมอภาค เป็นทฤษฎีที่มีส่วนสัมพันธ์กับพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การในเรื่องแรงจูงใจ
โดยผู้ปฏิบัติจะต้องได้รับทรัพยากรในการบริหาร ผลตอบแทนต่างๆ ในการบริหารตลอดจนโอกาสต่างๆในองค์การโดยเสมอภาคเท่าเทียมกันในกฎระเบียบขององค์การ ความเสมอภาคในโอกาส - การฝึกอบรม - ประสบการณ์ - การเรียนรู้ - ความเทียมความเสมอภาคในการเลื่อนตำแหน่งเป็นต้น
Operant Conditioning Theory ทฤษฎี เงื่อนไขในการในการศึกษาแรงจูงใจของบุคคลในองค์การจะพบว่าบุคคลจะมีเงื่อนไขในการทำงาน เช่น ถ้าทำได้เท่ามาตรฐานจะได้รับโบนัส หรืออาจจะมีการจูงใจว่าถ้าใครทำงานได้บรรลุเป้าประสงค์จะได้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ นั้นคือเงื่อนไขในการจูง คำถาม ท่านคิดว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อการพัฒนาองค์การ การเปลี่ยนระบบการบริหารและการพัฒนาบุคคลเรืองใดสำคัญกว่า กันจงอธิบายและมีลักษณะที่แตกต่างกันของแนวคิดอย่างไร ถ้าให้ท่านเป็นผู้บริหารท่านจะเลือกรูปแบบใดในการพัฒนาองค์การ โครงสร้างขององค์การ คือ การกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างภาระกิจหรือกลุ่มงานต่างๆ ให้สัมพันธ์กันเพื่อให้องค์การดำเนินไปตามเป้มหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนด ระบบการบริหาร(Administration or Management) หมายถึงการใช้ความพยายามร่วมกันาของมนุษย์เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันมีเป้าหมายที่กำหนดไว้และมีการใช้ทรัพยากรโดยกระบวนการดังกล่าวที่ต้องเกิดขึ้นในองค์การ การบริหารงานบุคคลหรือการพัฒนาบุคคล ก็เป็นหน้าที่อีกประการหนึ่งของการเอาคนเข้าสู่องค์การ หรือหน้าที่ Staffing ซึ่งต้องพัฒนาคนดูแลคนตั้งแต่เข้าทำงานจนกระทั่งออกไปจากองค์การ จากการให้ความหมายข้างต้นจะเห็นได้ว่าทุกส่วนมีความสำคัญมากที่จะทำให้องค์การพัฒนาไปสู่เป้าหมายขององค์การ ไม่จะเป็นโครงสร้างขององค์การ การพัฒนาบุคคล รวมทั้งการบริหารองค์การ แต่ในส่วนของโครงสร้างขององค์การนั้นจะมีความสำคัญมากในองค์การยุคเก่าจะให้ความสำคัญกับโครงสร้างองค์การเป็นอย่างมาก โดยมองว่าโครงสร้างขององค์การนำมาซึ่งความสำเร็จในการบริหารงาน ดังนั้นจึงพยายามพัฒนาโครงสร้างขององค์การให้มีมาตรฐาน มีความชัดเจน เขียนแผนภาพ ความสัมพันธ์ได้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ในโครงสร้างขององค์การสมัยใหม่มีภารพกิจมักจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย โครงสร้างจึงต้องมีความยืดหยุ่นสูงปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามไปด้วย ภาพรวมของโครงสร้างขององค์การจะหมายถึง ความสัมพันธ์ที่เป็นภาพรวมที่ค่อนข้างคงที่ถาวรและปรากฎอยู่ท่ามกล้างองค์ประกอบหลายๆอย่างเช่น ระเบียบ กระบวนการ ระบบสวัสดิการที่ใช้อยู่ในองค์การ โครงสร้างจะสามารถบอกถึงภาระกิจระเบียบและระบบต่างๆการจะเกิดโครงสร้างองค์การนั้นเป็นหน้าที่ของผู้บริหารทีจะจัดโครงสร้างหรือการจัดรูปองค์การหรือ Organizing ขึ้นมา การจัดรูปองค์การคือความพยายามที่จะกำหนดแบบแผนและแนวทางเพื่อให้เกิดการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดเป็นให้องค์การเติบโตเกิดโครงสร้างเฉพาะขึ้น
William Mclarney กล่าวว่าการจัดรูปองค์การเป็นการวางระเบียบให้กิจกรรมต่างๆขององค์การสมดุลกันโดยกำหนดว่าใครมีหน้าที่ทำอะไรมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างไร
Joan Woodward พบว่า
1.ความสำเร็จขององค์การไม่ได้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างขององค์การเพราะจากการสำรวจพบว่าองค์การที่มีความสำเร็จในการทำงานสูงกับองค์การที่ประสบความสำเร็จในการทำงานต่ำนั้น โครงสร้างอาจจะไม่ได้แตกต่างกัน
2. ประสิทธิผลขององค์การขึ้นอยู่กับการจัดรูปโครงสร้างให้เหมาะสมกับระบบการผลิตหรือเทคโนโลยี ที่องค์การนั้นใช้
3.ระบบการผลิตเป็นตัวกำหนดปัจจัยด้านโครงสร้างหรือโครงสร้างจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับปัจจัยในการผลิต จากข้อมูลเบื้องต้นถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้บริหารองค์การจะเลือกรูปแบบการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อพัฒนาองค์การให้เหมาะสมกับการผลิตระดับการผลิตหรือเทคโนโลยี่ที่องค์การมีเพื่อประสิทธิภาพประสิทธิผลขององค์การ
คำถาม กล่าวโดยสรุปเพราะว่ายาวมาก คือว่า มีองค์การอยู่องค์การหนึ่งมีผู้บริหารที่อ่อนแอไม่เอาถ่านไม่ขี้เถา แต่คิดว่าตัวเองเก่งมีคุณภาพแต่ไม่ได้เรื่องซักอย่างปล่อยให้คนใกล้ชิดเป็นคนจูงจมูกและหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและกลุ่มนำทรัพยากรขององค์การมาบำเรอความสุขของตนและกลุ่มยุแย แตกความสามัคคี ข่มขู่ คนอื่นใครอยากได้ดีต้องเซ่นไหว้ไร้ประสิทธิภาพประสิทธิผล นี่คือโจทย์โดยสรุป
1.ปัญหาขององค์การที่ยกมาคืออะไร? เป็นปัญหาจากการขาดความสามารถของผู้บริหารคือ
- ผู้บริหารไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะคิดนำองค์การไปสู่เป้าหมายขององค์การ
- ผู้บริหารขาดการประสานงานที่ดี
- ผู้บริหารขาดการวางแผนที่ดีจึงเกิดปัญหาในการดำเนินการ
- ขาดภาวะผู้นำของผู้บริหาร
- มีปัญหาในการสร้างความร่วมมือร่วมใน
2.ให้วิเคราะห์ลักษณะของบุคคลในองค์การ เป็นลักษณะของการก่อให้เกิดการเล่นการเมืองในองค์การ เพราะพฤติกรรมของบุคคล มีพฤติกรรมที่สร้างปัญหา คือ
- การชิงดีชิงเด่น องค์การใดมีการชิงดีชิงเด่นกันมา โอกาสที่จะเกิดการเมืองภายในองค์การก็จะมีสูง โดยแต่ละคนก็พยายามเข้าไปแสดงความดีของตนเองให้ผู้นำรับทราบ มีการแย่งผลงานซ้ำร้ายยังมีการซักจูงผู้นำไปในทางที่ผิด
- ปฏิบัติงานขาดศักยภาพ เมืองบุคคลทำงานขาดศักยภาพแล้วก็พยายามเล่นการเมืองเพื่อรักษาสถานภาพของตนเอง ว่ามีผลงานว่าดี
- ขาดความรับผิดชอบ คือการไป ปฏิษัติหน้าที่ของตน เช่นไม่ทำงานในหน้าที่แต่ไปยุ่งกับงานของคนอื่น หรือหนีงานเอาตัวรอด
- หลีกเลี่ยงงาน ด้วยเหตุนานๆประการ
- ไม่พยายามพัฒนาตัวเอง เช่นผู้บริหาร
- ชอบวิพากษ์วิจารณ์ บางคนชอบวิจารณ์แต่ตนก็ทำไม่ได้
3.ให้วิเคราะห์ลักษณะของกลุ่มบุคคลในองค์การ
-ประเภทของกลุ่มคือ กลุ่มที่เป็นทางการแบ่งได้ เป็น
กลุ่มตามสายการบังคับบัญชา คือกับกลุ่มคณะกรรมการหรือกลุ่มเฉพาะกิจ
กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ กลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มเพื่อน เช่น กลุ่มเล่นกีฬา
- เหตุผลการเกิดกลุ่มก็เกิดจาก
1.เหตุผลด้านสถานที่ เช่นนักศึกษา มร.เลย
2. ด้านเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มคนจน คนรวย
3.กลุ่มจิตวิทยาและสังคม และ
4. กลุ่มเหตุผลด้านความมั่นคง เช่น หมู่บ้าน อพป.
ตามโจทย์ลักษณะการเกิดกลุ่มจากเหตุตามข้อ 3.
คือเมื่อผู้บังคับบัญชาไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาการบริหารได้ก็ต้องมีการรวมกลุ่มด้านต่างๆเพื่อความอยู่รอด มีการจับกลุ่มนินทาเจ้านาย ซึ่งเป็นลักษณะของกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ
4.ให้วิเคราะห์ลักษณะขององค์การนี้ องค์การ หมายถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการบริหารอันได้แก่ทรัพยากรที่เป็นมนุษย์ เงิน วัสดุสิ่งของ และเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ แต่จากสภาพขององค์การตามโจทย์ข้างต้นนั้นเป็นองค์การที่มีปัญหาคือผู้นำขาดภาวะการเป็นผู้นำมีปัญหาด้านบุคลากรในองค์การที่หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตนโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ขององค์การจะต้องมีการวิเคราะห์พฤติกรรมองค์การอย่างท่องแท้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
5.ให้หาแนวทางในการบริหารองค์การแห่งนี้ จะต้องมีการจัดหาผู้บริหารที่มีภาวะของผู้นำเข้าบริหารองค์การ หมายถึงผู้นำที่มีกระบวนการในการบริหารที่จะมีอิทธิพลต่อกิจกรรมของกลุ่ม โดยพยายามหาวิธีการที่จะนำกลุ่มไปสู่จุดหมายและความสำเร็จ เพราะฉะนั้นบุคคลที่มีภาวะผู้นำจะต้องมีอิทธิพลต่อบุคคลอื่น ลิกเคิร์ท (Rensis Likert) กล่าวว่าผู้บริหารจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับ
1.ระบบการใช้อำนาจหน้าที่ รู้จักใช้อำนาจในการควบคุมบังคับหรือเพิกเฉยในบางครั้ง
2.ระบบการปกครองมนุษย์ที่มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้นคือเป็นการปกครองแบบพ่อปกครองลูก คือปกครองแบบเกื้อกูลต่างๆมีการเอาใจใส่มากขึ้นมีผลต่อปฏิกริยาโต้ตอบที่ดีขึ้น
3.ระบบที่ลูกน้องคอยช่วยเหลือให้ผู้จัดการประสบผลสำเร็จ
4.ระบบการมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างพลังในการแก้ไขปัญหาในการทำงาน Likert ว่าแบบที่ 4 ดีที่สุด ข้อสอบปี2541
1.Classical Organization Theory หรือTradition Organization Theory คือทฤษฎีองค์การกลุ่มคลาสสิกหรือกลุ่มดั้งเดิม ซึ่งต้องการสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้เกิดขึ้นในการบริหาร วิธีการค้นหาประสิทธิภาพสูงสุด ได้การใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์และหลักเหตุผลเป็นเครื่องมือ พยายามที่จะจำกัดขอบเขตของการศึกษาเพื่อให้อยู่ในขอบเขตที่จะสามารถใช้หลักเหตุผล และใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาวิธีการปฏิบัติงานที่เหมาะสม แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ Scientific Management การจัดการทางวิทยาศาสตร์และPrinciple Administrative กลุ่มหลักการบริหาร ทั้ง 2 กลุ่มมีหลักการร่วมกันคือ Maximized Efficiency มีเป้าหมายที่ประสิทธิภาพสูงสุดขององค์การคือใช้ทุนน้อยประโยชน์มาก One best way คือมองว่าจะมีวิธีการที่ดีทีสุดในการทำงานในภาวะหนึ่งๆเพียงวิธีเดียว Static condition มองว่าการจะใช้วิธีการที่ดีที่สุดในการทำงานได้นั้นองค์การจะต้องอยู่ในสภาวะที่คงที่ Rational Model ให้หลักเหตุผลในการได้มาซึ่งหลัก One best way
2. Organization Theory in Transition เป็นทฤษฎีองค์การในยุคของการเปลี่ยนผ่าน ยุคนี้จะเป็นการเปลี่ยนจากยุคเก่าจะเข้าสู่ยุคใหม่แต่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไป ยุคนี้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ยุคคลาสสิกว่าเป็นการมองคนเป็นเครื่องจักรไม่ได้มองคนที่พฤติกรรมไม่สนใจศึกดิ์ศรีของความเป็นคนมองว่าการบริหารในยุคคลาสสิกเอารัดเอาเปรียบคนทำงานนักคิดยุคเปลี่ยนผ่านมีหลายคนเช่น Hugo Munsterberg มองว่าการนำคนเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ในองค์การนั้นบุคลิกภาพ ทัศนคติ ค่านิยมมีความสำคัญสำหรับตำแหน่งต่างๆ มองว่าปัจจัยทางจิตวิทยาจะสร้างบรรยากาศในการทำงานได้ Elton Mayo การทดลองเรื่อง Hawthorn Study บาร์นารด์ เขียนหนังสือ The Function of Executive มองว่าการสร้างความเข้าใจให้บุคคลในองค์การมีความร่วมมือประสานกัน และผู้บริหารจะต้องทำหน้าที่สร้างความร่วมมือและการประสานงานกันระหว่างระบบต่างๆในองค์การ
3. Organization As System คือการศึกษาองค์การในเชิงระบบ เป็นทฤษฎีระบบสามารถใช้เป็นพื้นฐานในอันที่นะรวบรวมความรู้ทางศาสตร์ต่างๆเข้าไว้ด้วยกันเราอาจให้คำจำกัดความของทฤษฎีระบบไว้ว่า ระบบเป็นการจัดการให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างปัจจัยอิสระหรือระบบย่อยตั้งแต่สองดัวหรือมากว่า และปัจจัยอิสระหรือระบบย่อยรวมทั้งตัวระบบดังกล่าวจะต้องมีขอบเขตที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในอันที่จะแบ่งแยกมันออกจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ ทฤษฎีระบบใช้ได้ทั้ง เรื่องทาง กายภาพ ชีวภาพ และสังคม
โจทย์ องค์การสาธารณะมีปัญหาด้านประสิทธิภาพ ผู้ปฏิบัติไม่กระตือรือร้น ใช้ระบบอุปถัมภ์ประชาชนไม่ศรัทธา แก้ไขหน่อย
ตอบ
โจทย์องค์การที่ประสบความสำเร็จมีลักษณะอย่างไร และองค์การที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องพัฒนาหรือไม่ ท่านว่าองค์การแบบใดต้องพัฒนาและมีวิธีการพัฒนาอย่างไร อธิบาย
ตอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น